วันพุธที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2562

สังคมก้มหน้า...อันตรายกว่าที่คิด

"สังคมก้มหน้า...อันตรายกว่าที่คิด" 


.
สังคมก้มหน้า...คำนี้ที่ใครๆ ก็รู้จักในยุคที่ทุกคนสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีได้ง่ายขึ้นผ่านทางโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตต่างๆ ทำให้เราแต่ละคนสนใจจดจ่ออยู่กับสิ่งที่อยู่ในมือ เข้าไปอยู่กับโลกเสมือนจนบางครั้งหลงลืมการปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้างในโลกแห่งความเป็นจริง
.
เราทุกคนคงพอนึกภาพ การก้มหน้าในชีวิตประจำวันได้ คนเดินผ่านไปมาบริเวณฟุตบาทหรือเดินไปมาตามที่ต่างๆ ก้มหน้าลงเดินและกดโทรศัพท์มือถือไปพร้อมกัน เมื่อเราเข้าไปในร้านอาหารทุกคนต้องรออาหารมาเสิร์พที่โต๊ะ ในระหว่างนั้นไม่ว่าจะเป็นผู้ใหญ่หรือเด็กต่างหยิบมือถือและก้มหน้าลงสู่หน้าจอมือถือของตัวเองกันแทบทั้งนั้น หรือภาพในรถไฟฟ้าและรถไฟใต้ดินที่ทุกๆคนต่างก็ล้วนแต่อยู่กับการก้มลงมอง จดจ่ออยู่กับหน้าจอสี่เหลี่ยมในมือของแต่ละคน

.        
สิ่งที่พวกเราทุกคนกำลังทำกันอยู่นี้กำลังกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว แต่ในเหตุการณ์ปกติที่ชาวสังคมก้มหน้าทำกันอยู่เป็นประจำนี้ มีอันตรายที่ซ่อนอยู่ซึ่งกำลังคืบคลานเข้ามาสู่สุขภาพร่างกายของพวกเราทีละนิดอย่างไม่ทันรู้ตัว นอกจากเรื่องของสายตาก็ยังมีเรื่องความเครียดจากการที่รับรับรู้ข้อมูลและเรื่องราวต่างๆ ในโลกเสมือนนั้นและยังตามไปถึงเรื่องของทางร่างกายที่เราก้มหน้าก้มคอมากจนเกินไป ทำท่าเดิมๆ ซ้ำๆ ติดต่อกันเป็นเวลานานก็สามารถทำให้เกิดความผิดปกติของกระดูกสันหลังของเราได้

.
กระดูกสันหลัง เป็นแกนกลางของร่างกาย ที่เชื่อมติดกันด้วยเอ็น หมอนรองกระดูก ประกอบด้วย กระดูกส่วนคอ กระดูกส่วนอก กระดูกส่วนเอว กระดูกกระเบนเหน็บ และกระดูกก้นกบ          
น้าที่ของกระดูกสันหลัง คือ ช่วยในการทรงตัวและป้องกันไขสันหลังไม่ให้เกิดการกระทบกระเทือน         
เราทุกคนถ้าไม่มีกระดูกสันหลังก็ไม่สามารถยืนและเดินได้                                                                      
ภายในกระดูกสันหลัง : มีไขสันหลังและเส้นประสาท ทำหน้าที่เลี้ยงกล้ามเนื้อ รับความรู้สึกส่วนแขนขา ลำตัว
ส่วนภายนอกกระดูกสันหลัง : มีกล้ามเนื้อคอ กล้ามเนื้อหลัง กล้ามเนื้อหน้าท้อง พังผืด และเอ็นยึดกับกระดูกสันหลัง

.
ชาวสังคมก้มหน้า จะมีอาการเหล่านี้ได้ เมื่อเกิดความผิดปกติของกระสันหลัง
เกิดความผิดปกติของกระดูกสันหลังส่วนคอ : ปวดคอเฉียบพลันหรือเรื้อรัง, ปวดสะบัก หัวไหล่ร้าวไปที่แขน, แขนขาอ่อนแรงทันทีหรือเริ่มเป็นมาขึ้นเรื่อยๆ,แขนขาชา    
เกิดความผิดปกติของกระดูกสันหลังส่วนอกและส่วนเอว : ปวดหลังอย่างเฉียบพลันอาจร้าวไปที่ขา, ขาชาเป็นเหน็บ, มีอาการอ่อนแรงอาจยืนหรือเดินไม่ได้


.
เปลี่ยนจากเป็นผู้มีอาการความผิดปกติของกระดูสันหลัง แล้วต้องรักษาด้วยยา การทำกายภาพบำบัด และการ  ผ่าตัด เป็นผู้ที่ทำกิจวัตรประจำวันด้วยท่าทางที่ถูกต้องเพื่อป้องกันการเกิดความผิดปกติของกระดูกสันหลังกัน     ดีกว่า
ท่านั่ง นั่งเก้าอี้ให้หลังพิงพนัก ให้เบาะรองนั่งรองรับก้นและต้นขาได้ทั้งหมด มองสิ่งต่างๆ ในระดับสายตา หลีกเลี่ยงการนั่งกับพื้น นั่งพับเพียบ นั่งยองๆ นั่งขัดสมาธิ และไม่นั่งด้วยหลังแทนก้น
ท่าเดิน เดินหลังตรง อกผายไหล่ผึ่ง สายตามมองระดับสายตา สวมรองเท้าที่สบายส้นสูงไม่เกิน 1 นิ้ว ไม่เดินห่อไหล่ หลังค่อม พุงยืน
การยกของ ยกสิ่งของด้วยการค่อยๆย่อเข่าลง ให้สิ่งของอยู่ชิดกับลำตัวมากที่สุด ยืนขึ้นโดยใช้กำลังขา และเข่า อย่าก้มตัวยกสิ่งของจากพื้น เพราะจะทำให้ปวดหลังได้
ท่าทางในการยืน ยืนหลังตรง ถ้าต้องยืนนานๆ ควรมีที่พักเท้าเพื่อพักเท้าข้างใดข้างหนึ่ง
ท่าทางในการถือของ ถือของให้ชิดลำตัวมากที่สุด
ท่าทางในการขับรถ ให้หลังพิงพนัก งอเข่าเหนือสะโพกเล็กน้อย หน้าท้องไม่มีการโค้งงอ
.
การที่เราจดจ่ออยู่กับโลกเสมือนในโทรศัพท์มือถือ สามารถทำให้เกิดสิ่งต่างๆ ในโลกจริงของเราเช่นกัน ทั้งเรื่องสังคม ความสัมพันธ์ การปฏิสัมพันธ์ของเรากับคนรอบข้างที่ลดน้อยลง,  อารมณ์ความรู้สึกของเราที่มีต่อสถานการณ์ การตอบสนองต่อสิ่งต่างๆ รอบข้างที่มีความฉุนเฉียว ความใจร้อนต้องการความเร็วทันใจมากขึ้นกว่าปกติ รวมไปถึงเรื่องของสุขภาพร่างกายที่อาจเกิดการเจ็บป่วยจากการปวดเมื่อย ปวดตาและส่งผลอื่นๆ ตามมาได้อีกด้วย
.
แล้ววันนี้เราชาวสังคมก้มหน้า ได้หันออกจากจอสี่เหลี่ยมบ่อยแค่ไหน วางลงได้นานแค่ไหนเพื่อมาอยู่กับโลกของความจริงรวมทั้งกลับมาดูแลสุขภาพ ร่างกายของตัวเราเอง
.
ด้วยรักและห่วงใย
จากใจ...โค้ชออนซ์
โค้ชออนซ์...ช่วยคุณได้





ขอบคุณข้อมูลดีๆ เกี่ยวกับกระดูกสันหลังจากคู่มือเตรียมความพร้อมสำหรับผู้ป่วยผ่าตัดระบบประสาทไขสันหลังและกระดูก สถาบันประสาทวิทยา กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น